ในปัจจุบันการซื้อสิ้นค้าอิเล็กทรอนิกส์ทุกชิ้น ทุกชนิด ทุกแบรนด์ จะได้รับการรับประกันสิ้นค้าจากทางผู้ผลิตเป็นระยะเวลาหนึ่ง ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าและแบรนด์ด้วย ซึ่งมีตั้งแต่ 6 เดือน ไปจนถึง 3-5 ปี หรือบางแบรนด์ให้ตลอดอายุการใช้งานเลยก็ยังมี ซึ่ง iPhone เองก็เป็นสิ้นค้าชนิดหนึ่งที่มีประกันเช่นเดียวกัน โดยระยะเวลารับประกันของ iPhone ทุกเครื่อง ทุกรุ่น ที่ซื้อแบบใหม่แกะกล่องจากศูนย์นั้นคือ 1 ปี โดยนับจากวันที่ซื่อเครื่องไป เช่น ถ้าซื้อวันที่ 25 ธ.ค 2556 ประกันของตัวเครื่องก็จะหมดในวันที่ 25 ธ.ค. 2557
ตรวจสอบว่าเครื่องอยู่ในประกันหรือหมดอายุประกันแล้ว
ก่อนจะนำไปเคลมหลายคนคงจำไมไ่ด้ว่าเครื่องที่ใช้อยู่นั้นหมดประกันไปแล้วหรือยัง มีวิธีตรวจสอบอายุประกันของ iPhone ง่ายๆ ดังนี้
ประกันของ Apple เน้นเปลี่ยนเครื่องใหม่ไม่เน้นซ่อม
ข้อดีของประกันเครื่อง iPhone ซึ่งแตกต่างจากมือถือค่ายอื่นๆนั่นก็คือ หากเครื่องหรืออุปกรณ์พ่วงต่อ (เฉพาะที่มากับเครื่อง) มีปัญหาทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ ลูกค้าสามารถนำมาเครมกับทางศูนย์ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งตลอดระยะเวลา 1 ปีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ซึ่งการเครมประกันของ iPhone ในเมืองไทยนั้นพิเศษตรงที่ไม่มีการส่งซ่อมแต่จะเป็นการเปลี่ยนตัวเครื่องหรืออุปกรณ์ชิ้นใหม่ให้กับลูกค้าทันทีเมื่อตรวจพบปัญหาตามที่ลูกค้าแจ้งจริง ถึงแม้ว่าวันที่เข้ามาเครมนั้นจะเป็นวันสุดท้ายของประกันแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าทาง Apple จะแจ้งว่ามีการรับประกันตัวเครื่องเป็นเวลา 1 ปีเต็ม แต่ในการที่จะเครมประกันตัวเครื่องนั้นก็ต้องมีข้อยกเว้นในบางกรณีด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นทางผู้ Apple เองก็คงจะไม่สามารถรับผิดชอบภาระเรื่องค่าใช้จ่ายได้ไหว เพราะหากปีหนึ่งมีลูกค้า 1,000 คน เข้ามาเคลมประกันสักคนละ 3 ครั้ง แบบนี้บริษัทคงขาดทุนย่อยยับในไม่ช้า
กรณีที่สามารถเคลมเปลี่ยนเครื่องหรืออุปกรณ์ได้ใหม่ไม่เสียค่าใช้จ่าย
1. ปุ่ม Home ใช้งานไม่ได้หรือใช้ได้แต่ต้องกดหลายครั้งมากๆ
2. ปุ่ม Sleep ใช้งานไม่ได้
3. ระบบ Touch Screen ของหน้าจอมีปัญหาไม่สามารถใช้งานได้หรือใช้ได้แต่ต้องใช้ความพยายามมากเกินจำเป็น
4. หน้าจอเป็นสีดำทั้งหมด หรือมีจุดสีดำขึ้นมาที่หน้าจอ
5. เครื่องเกิดอาการรวน เปิดปิดเอง ค้างบ่อย ออกจา Applications เอง
6. เครื่องดับไปและไม่สามารถเปิดเครื่องได้
7. แบตเตอรี่หมดเร็วมากจนผิดสังเกต
8. กล้องหน้าหรือกล้องหลังใช้งานไม่ได้
9. ไม่สามารถใช้งาน 3G/4G/EDEG , wifi หรือโทรเข้าโทรออกไม่ได้
10. ลำโพงหรือ Microphone ไม่มีเสียงหรือเสียงเบามากจนแทบไม่ได้ยิน
11. สาย USB (สายชาร์ต) ไม่สามารถใช้งานได้
12. Adaptor (ตัวชาร์ต) ไม่สามารถใช้งานได้
นอกจากทั้ง 12 กรณีนี้แล้วยังมีอีกมากมายหลายกรณีที่สามารถนำมาเคลมได้ แต่ทั้งหมดที่เขียนมานั้นคุณต้องมั่นใจว่าสาเหตุเกิดจากการ hardware ของตัวเครื่องที่ทำงานผิดปกติเองจริงๆ ไม่ได้เกิดจากการกระทำของคุณ เพราะการเข้าไปเคลมเครื่องแต่ละครั้งนั้นทางเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบตัวเครื่องอย่างละเอียด ว่าตัวเครื่องหมดประกันหรือยัง รอบๆมีร่องรอยการตกหล่น โดนน้ำ โดนความชื้น หรือผ่านการซ่อมเครื่องมาหรือไม่
ในบางกรณีเช่นข้อ 3, 5, 6 และ 9 อาจเกิดขึ้นได้จากตัว Software มีปัญหาทางศูนย์จะทำแค่ลงระบบปฏิบัติการให้ใหม่ หากมีการไปลงโปรแกรม Jailbreak มาและเครื่องดับเปิดไม่ติดทางศูนย์จะไม่รับเคลม แต่หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วว่าเครื่องมีอาการหรือไม่สามารถใช้ได้ตามที่คุณแจ้งจริง โดยเกิดจาก hardware ของตัวเครื่องทางศูนย์ก็จะเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ ในส่วนของอุปกรณ์เชื่อมต่อก็เช่นกันสายต้องไม่มีรอยขาดหรือย่น อยู่ในสภาพสมบูรณ์แต่ไม่สามารถใช้งานได้ทางศูนย์จึงจะเปลี่ยนชิ้นใหม่ให้
กรณีที่ไม่สามารถเคลมได้ถึงแม้จะอยู่ในระยะประกัน
1. ตัวเครื่องมีการตกหล่น
2. มีร่องรอยการบิ่น แตกร้าว รอบๆตัวเครื่อง
3. หน้าจอแตกหรือร้าว
4. แถบวัดความชื้นหรือแถบ LCI ของตัวเครื่องมีการเปลี่ยนสี ซึ่งตัวแถบ LCI นั้นจะมีอยู่ใน iPhone ทุกรุ่นโดยแต่ละรุ่นจะอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน โดย iphone3/3Gs/4/4s จะมีอยู่ 2 ที่คือในช่องเสียบสายชาร์ตแบตเตอร์รี่และในช่องเสียบหูฟัง ส่วน iphone5/5s/5c จะอยู่ในช่องใส่ซิม ซึ่งโดยปกติแถบดังกล่าวจะมีสีขาว แต่จะเปลี่ยนสีได้จากการเปียกน้ำ โดนความชื้น หรือสารเคมี ซึ่งตรงนี้ต้องระวังเป็นอย่างมากเพราะหาก LCI เปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือสีแดงจะทำให้ไม่สามารถเคลมแบบไม่เสียเงินได้ ไม่ว่าจะเกิดจากการกระทำของคุณหรือมันเปลี่ยนสีไปโดยที่คุณไม่ทราบสาเหตุก็ตาม
ถ้าเกิดกรณีที่อยู่นอกประกันก็ยังเคลมได้
นอกจากนี้ทาง Apple เองก็มีอีกหนึ่งทางเลือกให้กับลูกค้าที่ไม่สามารถใช้บริการเคลมแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ นั่นก็คือการจ่ายเงินเพื่อเคลมรับเครื่องใหม่นั่นเอง ไม่ว่าเครื่องของคุณจะหมดประกัน, จอแตก, LCI เปลี่ยนสี, Jailbreak แล้วเครื่องดับหรือเป็นอะไรมาก็แล้วแต่
คุณสามารถชำระเงินตามราคาที่ระบุไว้ของแต่ละรุ่นเพื่อรับเครื่องใหม่ไปใช้ได้ตลอดอายุการใช้งาน ส่วนเรื่องราคานั้นแนะนำให้สอบถามจากทางศูนย์เนื่องจาก ราคามีการเปลี่ยนแปลงและแต่ละรุ่นราคาไม่เท่ากันแต่รับรองได้ว่าราคาถูกกว่าซื้อเครื่องใหม่รุ่นเดิมเกินครึ่งแน่นอน
ส่วนข้อเสียของการเคลมแบบมีค่าใช้จ่ายนั้นก็คือ คุณจะได้เครื่องรุ่นเดิม สีเดิม ความจุเท่าเดิมเท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนรุ่นหรืออัพสเปคได้ และที่สำคัญการจะเคลมแบบมีค่าใช้จ่ายได้นั้นเครื่องของคุณต้องไม่เคยผ่านการซ่อมจากที่ไหนมาก่อน หากคุณเคยซ่อมเครื่องจากร้านใดร้านหนึ่งมาแล้วจะไม่สามารถเคลมเครื่องกับทางศูนย์ได้อีก
ระยะเวลาในการเคลม
การเคลมแบบเปลี่ยนเครื่องที่อยู่ในประกัน จะใช้เวลาประมาณ 7 – 14 วัน ส่วนการเคลมแบบจ่ายเงินนั้นสามารถรับเครื่องได้เลยถ้าศูนย์มีเครื่องอยู่ในสต๊อก ณ เวลานั้นครับ
หวังว่าเรื่องที่นำมาฝากในวันนี้จะทำให้หลายๆคนมีความเข้าใจเกี่ยวกับการรับประกันตัวเครื่องของทาง iPhone ได้มากขึ้นและใช้ iPhone กันอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้ต้องไปเสียเงินเพิ่มในภายหลังโดยไม่จำเป็น